วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

บทเรียน



คำกริยา กิจวัตรประจำวัน คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ใช้บอกกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน



  • get up (เกท อัพ) = ตื่นนอน
  • wake up (เวค อัพ)= ตื่นนอน [ถูกปลุกให้ตื่น]
  • brush [my] teeth (บรัช มาย ทีธ) = แปรงฟัน[ของฉัน]
  • wash [my] face (วอช มาย เฟส) = ล้างหน้า
  • wash [my] hair (วอช มาย แฮร์) = สระผม
  • take a bath (เทค อะ บาธ) = อาบน้ำอ่าง
  • take a shower (เทค อะ เชา’เออะ) = อาบน้ำฝักบัว

ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน

   
     ประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจําวัน
การทักทาย (Greetings)
การทักทาย คำทักทายที่ควรทราบมีดังนี้
Good morning สวัสดี (เช้าถึงเที่ยงวัน)
Good afternoon สวัสดี (หลังเที่ยงวันถึงช่วงเย็น)
Good evening สวัสดี (ช่วงเย็นถึงกลางคืน)
Good day สวัสดี (ตลอดวัน)
Hello/Hi สวัสดี (เพื่อนหรือคนรู้จักทั่วไป)
การสอบถามทุกข์-สุขสำนวนที่ใช้สอบถามว่าสบายดีหรือ ได้แก่
How are you? (เน้นเรื่องสุขภาพ)
How are you going? (อังกฤษ) How are you doing? (อเมริกัน)
How’s it going? (เน้นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน)
How have you been? (ในกรณีนาน ๆ เจอกันที)
How’s your life?
How’s everything?
How are things (with you)?

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 100 คำแรก ที่ใช้บ่อย ต้องรู้ทุกคำ จำให้แม่น

    
      คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 100 คำแรกที่ใช้บ่อยสุดๆ สำหรับฝรั่งเขานะครับ เป็นคำที่ใช้พูดในชีวิตประจำวัน แต่เราอาจเห็นว่าบางคำไม่นาจะอยู่ในหมวดหมู่คำที่ใช้บ่อยก็มี แต่สำหรับเจ้าของภาษาเขาบอกว่านี่แหละ ใช้บ่อยสุดๆแล้ว
     


ที่
คำศัพท์
คำอ่าน
คำแปล
1
a
อะ
หนึ่ง
2
about
อะเบ้า
ประมาณ, เกี่ยวกับ
3
all
ออล
ทั้งหมด
4
an
แอน
หนึ่ง
5
and
แอนด
และ
6
are
อา
เป็น อยู่ คือ
7
as
แอส
ราวกับ, เพราะว่า
8
at
แอท
ที่
9
be
บี
เป็น อยู่ คือ
10
big
บิก
ใหญ่

สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวัน

30 สำนวนภาษาอังกฤษ คำสแลงที่มักเจอในชีวิตประจำวั

1. “Twenty-four Seven”  สำนวนนี้หมายความว่าอะไร เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน”
2.  “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”
3. “Take it easy”  ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have any plans this weekend.  I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกัน “I’m going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า “I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย” เพราะฉะนั้น ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you tomorrow.  I have to sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” เพราะฉะนั้น “Sleep on it คือ ขอเวลาตัดสินใจ แล้วจะบอกคำตอบทีหลัง”
5. “I’m broke.” อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆเลย สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่ามีร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหรือใช้การไม่ได้แต่ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ “ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ “ถังแตก” นั่นเองค่ะ “I’m broke.” เท่ากับ “I have no money – ฉันไม่มีเงินเลย” สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆ

ถามทาง (Asking for directions)

ถามทาง (Asking for directions)


  •         Excuse me, could you show me the way to Siam Square? (ขอโทษ คุณจะกรุณาบอกทางไปสยามสแควร์ให้ผมได้ไหม)
  •          Excuse me, where is the Central Department Store? (ขอโทษ ห้างเซ็นทรัลไปทางไหนครับ)
  •        Do you know where Miracle Grand Hotel is? (คุณทราบไหมว่าโรงแรมมิราเคิลแกรนด์อยู่ที่ไหน)
  •         Do you know where the toilet is? (คุณรู้ไหมว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน)
  •         Do you know the way to the Airport? (คุณรู้ทางไปสนามบินไหม)
  •         Excuse me, could you show me how to get to this address? (ขอโทษ คุณจะกรุณาบอกทางไปยังที่อยู่นี้แก่ผมได้ไหม)
  •         Excuse me, how do I get to the Ma Boon Krong Shopping Center? (ขอโทษ ผมจะไปศูนย์การค้ามาบุญครองยังไงครับ)
  •         Excuse me, where is the nearest public telephone? (ขอโทษครับ โทรศัพท์สาธารณะใกล้ที่สุดอยู่ไหนครับ)
  •         How can I get to the Grand Place? (ผมจะไปพระบรมมหาราชวังยังไงครับ)

การฟัง คำสั่ง/การสอน ภาษาอังกฤษระหว่างคาบเรียน

การฟัง คำสั่ง/การสอน ภาษาอังกฤษระหว่างคาบเรียน



At the start of the class
ต้นคาบเรียน


Okay guys, today we're gonna look at some new vocabulary.
โอเคทุกคน, วันนี้เราจะดูคำศัพท์ใหม่ๆ
*The word "gonna" is slang for "going to".
*คำว่า "gonna" เป็นคำสแลงที่ย่อมาจาก "going to"

Today I'm gonna teach you about conjunctions.
วันนี้ผมจะสอนคุณเกี่ยวกับคำเชื่อมต่างๆ

Open your books at page 8.
เปิดหนังสือไปที่หน้า 8

Turn to page 8.
เปิดไปที่หน้า 8

Did you forget your book? / Forgot your book?
ลืมเอาหนังสือมาหรอ

Don't worry. / It's ok. / It's alright.
ไม่ต้องห่วง / ไม่เป็นไร / ไม่เป็นไร

Can you share with your friend?
แบ่งใช้กับเพื่อนได้มั๊ย

I'll get you some paper.
เดี๋ยวเอากระดาษมาให้ใช้

การโทรและการรับโทรศัพท์

การโทรและการรับโทรศัพท์


เมื่อเริ่มต้นสนทนา
Hello, Good moning, Good afternoon, this is Malinee speaking.   สวัสดีค่ะ ฉันมาลินีพูดอยู่
Could I speaking to…..please? ฉันขอสาย…..ค่ะ
I’d like to speak to…..please   ฉันอยากจะขอพูดกับ…..ค่ะ
I’m trying to contact…… ฉันพยายามจะติดต่อ…..

ให้ข้อมูลแก่ผู้อยู่ปลายสาย
I’m calling from….. ฉันโทรมาจาก
I’m calling on behalf of….. ฉันโทรมาในนามของ…..

การใช้ภาษาอังกฤษในร้านอาหาร

·                            

การใช้ภาษาอังกฤษในร้านอาหาร


                                                                        ทักทาย (Greeting)
             Hello/ Hi
             (สวัสดีครับ/ค่ะ)
             Good morning
             (สวัสดีตอนเช้า)
             Good afternoon
             (สวัสดีตอนบ่าย)
             Good evening
             (สวัสดีตอนเย็น)

ภาษาอังกฤษ ที่โรงพยาบาล (At the Hospital)


ตัวอย่างประโยคสนทนาเบื้องต้น
·         Do you have an appointment with Doctor? คุณได้นัดคุณหมอไว้ไหมครับ
·         Have you any  problem? คุณเป็นอะไรหรือครับ
·         What ‘s the matter ?  เป็นอะไรครับ
·         Please wait in the waiting room and I’ll Call you the moment the doctor is free. กรุณารอที่ห้องรอตรวจ เพื่อรอคุณหมอเรียก
·         Let me feel your pulse and check your fever. ขอตรวจดูชีพจรและเช็คไข้หน่อยครับ
·         Let me take your temperature. ขอวัดอุณหภูมิร่างกายหน่อย
·         Your temperature is 40.5 degrees °C.
·         I  feel headache and shivering.  ฉันรู้สึกปวดหัว และหนาวสั่น
·         I couldn’t sleep as well. ฉันนอนไม่หลับเลย
·         My child is running a fever. ลูกชายผมเป็นไข้
·         How long has he had a fever?  เขาเป็นไข้นานเท่าไรแล้วครับ
·         I am afraid he is sick. ฉันกลัวว่าเขาจะเป็นไข้
·         I have a cold. เป็นหวัด
·         I’ve got a headache. ฉันปวดศรีษะ
·         I have a terrible headache. ฉันปวดศีรษะมาก
·         I’ve got high temperature. ฉันมีไข้สูง, ฉันตัวร้อน
·         I have a fever.  ฉันมีไข้
·         You have a fever. คุณมีไข้
·          I have the flu.  ฉันเป็นไข้หวัด
·         I have a stuffed nose. มีอาการคัดจมูก
·         I have a running nose. ฉันน้ำมูกไหล (ภ.พูด)
·         I have nasal congestion. ฉันน้ำมูกไหล (ภ.หมอ) (nasal congestion เน๊เซิ่ล เคิ่นเจ๊สฺเชิน)

ภาษาอังกฤษ “ซื้อของ” (Shopping/Buying things)


เวลาทำการ (Opening Hours)
What time do you open, please? เปิดกี่โมงครับ
What time do you close, please? ปิดกี่โมงครับ
Are you open all day? เปิดทั้งวันไหมครับ
Are you open on Sundays? เปิดวันอาทิตย์ไหมครับ
การต้อนรับ
May I help you? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ  ***อย่าลืมเสียง p
May I help you with anything?  มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
May I assist you? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ  (help=assist)
May I assist you with anything? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ  (assist v. ช่วยเหลือ)
Do you need any help? คุณต้องการความช่วยเหลืออะไรไหมครับ
Can I help you? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
Can I help you at all? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
Can I help you with anything? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
Do you need any help? มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
Do you require any help? ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ
Do you need any assistance? คุณต้องการความช่วยเหลืออะไรไหมครับ  (assistance n. ความช่วยเหลือ)
What are you looking for?   คุณกำลังมองหาอะไรอยู่ครับ
What can I do for you?  มีอะไรให้ช่วยไหมครับ
Which one do you need?  คุณต้องการอันไหนครับ
I will be with you in a moment. รอสักครู่นะครับ
Sorry to have kept you waiting.   ขอโทษที่ให้รอครับ

เพียงแค่ดูสินค้า
I’m just browsing. ฉันเพียงแค่ดูๆ เท่านั้น
I’m just looking.  ฉันเพียงแค่ดูๆ เท่านั้น

If you need any help, just let me know.  หากมีอะไรให้ช่วย บอกฉันได้นะครับ
I’ll let you know if I need anything. ฉันจะบอกคุณ หากฉันต้องการอะไรครับ

สำนวนการพูดเชื้อเชิญ



ชักชวนเพื่อนฝูง

I would like to invite you to a paty.
ไอ วู้ด ไล้ค ทู อินไว้ท ยุ ทู อะ พารที่
ฉันอยากชวนเธอไปงานเลี้ยง
We’d like you  to come.
วีด ไล้ค ยู ทู คัม
เราอยากให้เธอมาด้วย
Con you come over and join us?
แคน ยู คัม โอเว่อร แอ่นด จอยน อั้ส
เธอจะมาร่วมงานกับพวกเราได้ไหม?
Will you join us?
วิลล ยู จอยน อี้ส
เธอจะร่วมกับพวดเราไหม?

ชวนกิน ชวนทาน


Are you free for dinner tonight?
อาร ยู ฟรี ฟอร ดินเน่อร ทูไน้ท
คืนนี้คุณว่างไปทานอาหารเย็นไหม?
Shall we have a drink at the dar?
แซลล วี แฮ้ฟว อะ ดริ้งค แอ็ท เดอะ บาร

เราไปหาอะไรดื่มกันที่บาร์ไหม?
Join me for a coffee.
จอยน มี ฟอร อะ ค็อฟฟี่
มาดื่มกาแฟกัน





การตอบรับคำเชิญ


That sounds terrific.
แธ็ท ซาวนดส เทอรริฟฝิค
ฟังดูเยี่ยมไปเลย
OK, if you insist.
โอเค อี๊ส ยู อินซิสท
ก็ได้ ถ้าคุณยืนกรานแบบนี้
All right, then.
ออล ไร้ท เธ็น
อย่างนั้นก็ได้
I won’t say No.
ไอ โว้นท เซ โน
ฉันไม่ปฏิเสธหรอก